ทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนต้องรู้ FCL และ LCL แตกต่างกันอย่างไร 2025
การทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าและมีตลาดที่ใหญ่ทั่วโลก การเลือกวิธีการนำเข้าสินค้าที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเข้าสินค้าจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกนั้นจำเป็นต้องใช้การขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะใช้การขนส่งทางทะเลเป็นหลัก เพราะมีความสามารถในการขนส่งสินค้าจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป
ในการขนส่งสินค้าทางทะเลนั้น มีรูปแบบการขนส่งอยู่ 2 รูปแบบที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจของตน นั่นก็คือ FCL (Full Container Load) และ LCL (Less than Container Load) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกว่า FCL และ LCL คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร และในสถานการณ์ไหนที่ควรเลือกใช้วิธีการขนส่งแบบใดให้เหมาะสมกับการจัดส่งนำเข้าสินค้าจากจีน
รู้จักกับ FCL และ LCL คืออะไร?FCL (Full Container Load) หมายถึง การขนส่งสินค้าที่เต็มตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งตู้ ซึ่งหมายความว่าผู้ประกอบการจะต้องเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งใบสำหรับการขนส่งสินค้าของตนเอง โดยไม่ต้องแบ่งพื้นที่ตู้กับผู้อื่น การขนส่งแบบ FCL มักจะเหมาะกับผู้ประกอบการที่มีปริมาณสินค้ามากพอที่จะเติมเต็มพื้นที่ตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งใบ เช่น สินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้การขนส่งแบบ FCL มีความคุ้มค่าในด้านของค่าใช้จ่ายและความรวดเร็วในการจัดส่ง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงที่สินค้าอาจเกิดความเสียหายเนื่องจากไม่ต้องมีการรวมสินค้ากับสินค้าของผู้อื่น
LCL (Less than Container Load) คือ การขนส่งสินค้าที่ไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งหมายความว่าผู้ประกอบการจะใช้พื้นที่ในตู้คอนเทนเนอร์ร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ที่ต้องการขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน การขนส่งแบบ LCL จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่มีปริมาณสินค้าน้อย ไม่เพียงพอที่จะเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งใบ การขนส่งแบบ LCL นั้นมีความยืดหยุ่นและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการขนส่งแบบ FCL เนื่องจากผู้ประกอบการจะจ่ายค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของพื้นที่ที่ตนเองใช้ในตู้คอนเทนเนอร์
ความแตกต่างระหว่าง FCL และ LCL
1. ค่าใช้จ่าย
- FCL มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ LCL เนื่อง จากผู้ประกอบการจะต้องเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งใบ แม้ว่าจะขนส่งสินค้าเพียงบางส่วนของพื้นที่ก็ตาม แต่ถ้าหากมีปริมาณสินค้ามาก การขนส่งแบบ FCL จะคุ้มค่ากว่าเนื่องจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดถูกกระจายไปในสินค้าปริมาณมาก
- LCL จะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเนื่องจากเป็นการแชร์พื้นที่ในตู้คอนเทนเนอร์ร่วมกับผู้อื่น ผู้ประกอบการจะจ่ายเฉพาะส่วนที่ตนเองใช้ ทำให้เหมาะกับการขนส่งสินค้าจำนวนน้อย
- FCL มีความรวดเร็วกว่า เนื่องจากเป็นการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการคนเดียว จึงไม่จำเป็นต้องรอการรวมสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่น และเมื่อถึงปลายทาง สินค้าสามารถนำออกจากตู้คอนเทนเนอร์ได้ทันที
- LCL มักจะใช้เวลานานกว่า เพราะต้องรอการรวมสินค้าจากผู้ประกอบการหลายรายก่อนที่จะขนส่ง นอกจากนี้เมื่อถึงปลายทางยังต้องมีการแยกสินค้าออกจากกันก่อนส่งมอบให้แต่ละราย ทำให้ขั้นตอนมีความซับซ้อนมากขึ้น
- • FCL มีความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายน้อยกว่า เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์จะบรรจุเฉพาะสินค้าของผู้ประกอบการคนเดียว ลดความเสี่ยงจากการที่สินค้าต้องถูกรวมกับสินค้าประเภทอื่นที่อาจเกิดการกระแทกหรือสร้างความเสียหายได้
- • LCL มีความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์มาจากผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งอาจมีการจัดเรียงสินค้าในตู้ที่ไม่เหมาะสม ทำให้สินค้าอาจเกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่สินค้าจะถูกเปิดตรวจสอบระหว่างทางมากกว่า ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพของสินค้า
- FCL มีขั้นตอนที่ง่ายกว่า เนื่องจากเป็นการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการเพียงรายเดียว ทำให้การจัดการเอกสารและการผ่านพิธีการศุลกากรเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- LCL มีขั้นตอนที่ยากกว่าเนื่องจากเป็นการรวมสินค้าจากผู้ประกอบการหลายราย ทำให้ต้องมีการจัดการเอกสารและการผ่านศุลกากรสำหรับสินค้าหลายรายการ ทำให้กระบวนการมีความยุ่งยากและใช้เวลามากขึ้น
เมื่อคุณได้รู้ถึงความแตกต่างของ FCL และ LCL แล้วนั้นจะช่วยให้การตัดสินใจเลือกใช้ FCL หรือ LCL ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากยิ่งขึ้น เช่น ปริมาณสินค้า งบประมาณ ระยะเวลา และความสำคัญของสินค้าที่จะขนส่ง ซึ่งหากธุรกิจของคุณมีปริมาณสินค้ามาก การเลือกใช้ FCL จะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและรวดเร็วที่สุด แต่หากคุณมีสินค้าปริมาณน้อยและต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย LCL จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า อีกทั้งในการทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนในปี 2025 ผู้ประกอบการควรศึกษาและทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง FCL และ LCL เพื่อให้สามารถวางแผนการนำเข้าและจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายสูงสุด
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaitpi.com / www.tpi2001.com